กูเกิลเอดส์

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เที่ยวน้ำตกคลองพา 5 ถึงเวลากลับ ถึงจะหนักแต่ประสบการณ์เพียบ

เมื่อทุกคนเก็บสัมภาระและรับประทานมื้อเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย เวลาประมาณ 9.00 น. เราก็เริ่มเดินทางกลับ ทุกคนกระหยิ่มยิ้มย่องกันว่าวันนี้คงไม่หนักเท่าไร มีคนอารมณ์ดีเดินร้องเพลงลั่นป่าใหัเราฟังเพลินๆ แต่พอออกจากเขตที่พักแรม เดินลัดเลาะไปตามลำธารได้ไม่ถึง 10 นาที ถนนสายโหดก็มาเยือนพวกเราอีกแล้ว คือการเดินไต่ขึ้นไปบนเนินชัน ที่ดูเหมือนมันจะต้องไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ระยะทางร่วม 2 กิโลเมตรที่ต้องเดินขึ้นเขาแทบตลอดเวลา  เล่นเอาบางคนหมดแรง ต้องแวะโด๊ปอาหารเติมพลังระหว่างทาง ซึ่งเป็นโชคดีมากๆ  ที่พรานเล็กแอบตุนสเบียงมาให้เราได้กินมื้อเที่ยง ทั้งๆ ที่พวกเราตั้งใจจะไปกินมื้อเที่ยงที่ตลาดท่าชนะ จึงบอกให้พรานเล็กเทอาหารที่เหลือทิ้งไปก่อนกลับออกมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพรานเล็กแอบตักใส่ถุงมาตอนไหน


ระหว่างทางที่เราเดิน พบทั้งรอยเท้ากระทิงโทนที่ใหญ่มาก  พรานบอกว่าตัวนี้น่าจะมีน้ำหนักเกินพันกิโลกรัม เจอขี้ช้างนะนับไม่ถ้วน บางช่วงเดินบนสันเขาก็เห็นรอยโคลนแปะติดอยู่ที่ต้นไม้ระดับหัวเข่าผม  พรานบอกว่าเป็นรอยหมูป่าที่มันนอนแช่ปลักโคลนแล้วเดินขึ้นมาเอาลำตัวสีกับต้นไม้ ส่วนบริเวณริมห้วยที่ดินนุ่มๆ เจอรอยเท้าหมูและรอยลงนอนแช่ปลักหลายแห่งมาก เดินช่วงแรกๆ ผมสังเกตุพรานเล็กที่นำทางมาล่วงหน้าจะเคาะไม้ไผ่ป๊อกๆ อยุ่เป็นระยะๆ  ในที่สุดก็ทนความสงสัยไม่ได้เลยถามออกไป  ได้คำตอบมาว่า เส้นทางที่เรากำลังเดินเป็นทางด่านสัตว์ ซึ่งเจ้าของถนนอาจจะอยู่ข้างหน้าใกล้ๆ เรา ดังนั้นจึงเคาะไม้ดังๆ ให้สัตว์รู้ตัวจะได้หนีไปก่อน เพราะเราก็ไม่อยากจ๊ะเอ๋กันซึ่งๆ หน้า  ธรรมชาติของสัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นช้าง เสือ กระทิง หมูป่า หรือตัวอะไรก็ตาม มันก็ไม่อยากเจอหน้าเรา ถ้ามันรู้ล่วงหน้า มันจะหนีไปไกลๆ ก่อนเสมอ จะมีก็แต่ค่าง และชะนี  ที่เราเห็นแอบมองเราอยู่บ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเพียงกิ่งไม่สั่นไหวที่มันกระโจนหนีไปก่อน

ต้องยอมรับครับ ว่าในเที่ยวขากลับ เส้นทางมันโหดจริงๆ ทั้งๆ ที่เดินไปตามด่านสัตว์สบายๆ แต่ทางมันชันขึ้นเขาตลอด น้ำที่พกติดตัวกันมาเพียงคนละนิดหน่อยจึงหมดไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการเดินทางกลับ และนี่ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตครับหลังจากอ่านนิยายเดินป่ามาหลายเล่ม ที่ต้องตัดเถาวัลย์ดื่มน้ำ แปลกแต่จริงครับ น้ำจากเถาวัลย์จืดมาก ช่วยต่อแรงให้พวกเราได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว พรานสอนเราให้ดูและเลือกชนิดของเถาวัลย์และหวายที่สามารถตัดน้ำเพื่อดื่มได้ ตอนแรกเห็นพรานตัดท่อนล่างของเถาวัลย์มีน้ำออกมาแค่พอซึมๆ ยังนึกในใจว่า แค่นี้จะไปพออะไร

 แต่พอพรานตัดด้านหัวของเถาวัลย์เท่านั้นเอง น้ำไหลโจ๊กดื่มได้อย่างชื่นใจเลย ถ้าเป็นเถาวัลย์น้ำ น้ำจะจืดไม่แตกต่างจากน้ำฝน  แต่ถ้าเป็นน้ำจากหวายรสชาติจะเฝื่อนเล็กน้อย แต่ก็แก้กระหายได้เป็นอย่างดี เคล็ดลับสำคัญของการตัดเถาวัลย์ให้ได้น้ำคือเราต้องตัดทั้งด้านหัวและท้ายน้ำจึงจะไหลดี และเราสามารถตัดไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อกินน้ำได้อีก นี่แหละครับภูมิปัญญาชาวป่า

ต้องยอมรับครับว่าการเดินป่า น้ำสำคัญจริงๆ แม้ว่าเราจะเดินเลียบลำธาร ได้ยินเสียงน้ำตกไกลๆ  แต่เราอยู่บนยอดเขาสูง ที่ยากมากๆ จะไต่ลงไปหาน้ำดื่ม ดังนั้นเวลาเดินป่าจริงๆ จำเป็นมากครับที่เราต้องสงวนน้ำดื่มไว้ให้นานที่สุด กระหายน้ำก็เอามาจิบพอชุ่มปาก ดีกว่ายกขึ้นดื่มอั๊กๆ เต็มที่ เพราะอีกประเดี๋ยวก็จะหิวน้ำใหม่อีก ทีนี้แหละจะไม่มีน้ำกิน โชคดีมากๆ ครับที่พรานนำทางของเรารู้จักเถาวัลย์ที่ตัดมาดื่มน้ำได้ ช่วยลดความกระหายและให้เราเดินกันไปได้ต่อ

จากจุดที่เราตั้งแคมป์พักแรม ใช้เวลาเดินกันร่วม 3 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงตำแหน่งริมลำธารจุดที่เราแวะพักทานมื้อเที่ยงเมื่อวาน เป็นเวลาเลยเที่ยงนิดหน่อย ได้อาศัยอาหารมื้อเที่ยงที่พรานเล็กเก็บมาให้รองท้องกันจนอิ่ม และบรรดาพรานนำทางอีกเช่นเคยที่ช่วยกันตัดไม้ไผ่มาต้มน้ำชงกาแฟกินด้วยด้วยกัน มีบางคนพกข้าวต้มชนิดซอง ชาอู่หลงมาด้วย งานนี้แจ่มครับ โด๊ปทั้งข้าว ชา กาแฟ อิ่มหมีพีมันกันไปตามๆ กัน  เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ได้เห็นโต๊ะกาแฟกลางป่า ถ้วยกาแฟไม้ไผ่ปักกลางดิน แต่ยอมรับเลยครับ น้ำต้มจากกระบอกไม้ไผ่ ทำให้ได้น้ำกาแฟที่หอมน่ากินจริงๆ หลายคนได้พักแล้วไม่อยากลุกขึ้น ฝนก็เริ่มกระหน่ำลงมาพอให้เปียกอีก เรียกว่าคราวนี้เจอครบทุกความลำบากเลยครับ 555 ฟังเหมือนน่ากลัว น่าขยาด  แต่ถ้าพวกเราไม่ประทับใจสุดๆ  ไม่เอามาเล่าให้ฟังหรอกครับ

หลังจากพักกันจนหายเหนื่อย พวกเราก็ต้องลุยกันต่อ กับอีก 2
ชั่วโมงสุดท้าย ที่ต้องเดินไต่ขึ้นเขาลงเขาไปตามทางลาดชัน เป็นบททดสอบสุดท้ายก่อนออกจากป่า เดินกันจนขาก้าวเดินไปเป็นอัตโนมัติคือ ขาก้าวไปเองอีกแล้ว จนบ่ายสองโมงเศษ เราก็ได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจจากคนที่อยู่ข้างหน้า เพราะว่า มองเห็นรถของพวกเราที่จอดอยู่แล้ว แหม ไม่เคยเจอจุดหมายไหนที่จะดีใจอะไรแบบนี้มาก่อนเลย  ดีใจจริงๆ ครับที่เห็นรถจอดอยู่ เพราะในรถมีน้ำดื่มที่เราขนไปไม่หมดแพ็คใส่หลังรถอยู่หลายขวดพอให้ทุกคนได้สดชื่นอีกครั้ง หลายคนบอกว่า ไม่เอาแล้วนะเดินกันแบบนี้  แต่เชื่อไหมครับ คนที่บ่นว่าไม่เอาแล้ว  เมื่อวานยังโทรมาชวนผมว่า  พี่เมื่อไรจะไปอีก จะขอไปด้วย เอาละซิ  เพิ่งออกจากป่ามาได้ 2 วัน ขายังไม่หายล้า  คิดถึงป่าอยากเข้าไปซะแล้ว  นี่แหละครับป่ามัันมีอะไรที่น่าประทับใจเยอะมากๆ ไม่ไปพบด้วยตัวเองยากจะเข้าใจ  และผมเองก็ไม่ใช่นักบรรยายที่ดีเท่าไร  ออกจะทำให้หลายคนที่ขวัญอ่อนไม่กล้าเข้าป่าด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณแน่ และมั่นใจว่าเจ๋งจริงละก็ โทรมาเลยครับที่ 096-654-2329 ทริปหน้าผมจะพาคุณเข้าไปด้วย

ยัง ยังไม่จบนะครับ ตอนหน้าเราจะมาปิดท้ายด้วยความรู้มากมายโดยเฉพาะการทำหม้อต้มน้ำ และการหุงข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่ ที่ได้มาจากการเดินป่าครั้งนี้

ติดตามอ่านทริปเดินป่า นำตกคลองพา ตอนอื่นๆ ได้ที่
ทริปเดินป่าน้ำตกคลองพา 1 ปฐมบทสำหรับคนหัวใจแกร่ง

ทัวร์เดินป่า น้ำตกคลองพา 2 เริ่มของจริงละนะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น